ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม "ธุรกิจท่องเที่ยว" ก็ต้องปรับตัวตามพฤติกรรมของนักเดินทางรุ่นใหม่ ส่งผลให้เทรนด์การท่องเที่ยวในปี 2025 นี้ อย่าง Eco-Tourism, Local Experience และ Wellness Travel กำลังมาแรง! ซึ่งไม่เพียงเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยววิถีใหม่ได้เป็นอย่างดี
ก่อนที่จะหันมาทำธุรกิจท่องเที่ยวในสายใดสายหนึ่ง ผู้ประกอบการต้องมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะการมี "ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว" ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ที่จะคุ้มครองผลประโยชน์ของนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการด้วยนั่นเอง
ชวนรู้จัก 3 เทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่!
1. Eco-Tourism เที่ยวเชิงนิเวศน์ กระแสดี ไม่มีตก
ต้องบอกว่า เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กำลังมาแรง เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม หรือเลือกทำกิจกรรมที่ไม่ทำร้ายธรรมชาติ เช่น เดินป่า ล่องเรือชมป่าชายเลน หรือการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ
โดย ธุรกิจนำเที่ยวที่มีการทำใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะช่วยให้สามารถดำเนินงานต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม และยังสามารถเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ ของภาครัฐได้ในอนาคต
2. Local Experience – เที่ยวแบบสัมผัสวิถีชุมชน ได้ใจนักท่องเที่ยวเต็มๆ
นักท่องเที่ยวยุคใหม่ ไม่ได้ต้องการแค่ "ดู" แต่อยาก "สัมผัส" ความเป็นท้องถิ่นอย่างลึกถึงแก่น ไม่ว่าจะเป็นการฝึกทำอาหารพื้นบ้าน เรียนรู้หัตถกรรมท้องถิ่น หรือพักโฮมสเตย์ในหมู่บ้าน สิ่งเหล่านี้ได้กลายมาเป็นจุดขายที่ธุรกิจนำเที่ยวไม่ควรพลาด
สำหรับ ธุรกิจที่เน้น Local Experience มักจะต้องประสานงานกับชุมชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว ที่ออกโดยภาครัฐอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ ไม่เพียงเท่านั้นยังเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนได้อีกด้วย
3. Wellness Travel – ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผ่อนคลายทั้งกายและใจ
\t หลังผ่านพ้นช่วงไวรัสโควิด-19 เทรนด์การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (Wellness Travel) ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นทริปดีท็อกซ์ โยคะกลางป่า สปาธรรมชาติ หรือรีทรีทสุขภาพในรีสอร์ทที่สงบเงียบ ล้วนได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ ธุรกิจเหล่านี้สามารถผสมผสานความผ่อนคลายเข้ากับแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้เป็นอย่างดี และได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
แม้จะเป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แต่อุบัติเหตุกับนักท่องเที่ยวก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ถ้ามีการทำประกันธุรกิจนำเที่ยว ก็จะช่วยสร้างความสบายใจให้กับลูกทัวร์ เพราะจะได้รับการคุ้มครองทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ทั้งยังสามารถนำไปใช้ยืนขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้อีกด้วย
ทำไม “ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว” จึงสำคัญ ?
\t เพราะการได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวจากกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไม่เพียงแต่ทำให้ธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังเป็น เครื่องยืนยันความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า รวมถึงสามารถซื้อประกันภัยธุรกิจท่องเที่ยวตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อคุ้มครองนักท่องเที่ยวจากเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทริปได้นั่นเอง
\t ดังนั้น ผู้ประกอบการมือใหม่และมือเก๋า จึงควรต้องให้ความสำคัญกับการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวและการทำประกันธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อคุ้มครองลูกค้าที่มาใช้บริการ ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวที่ใส่ใจชุมชน เหล่านี้ก็จะช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยว เติบโตได้อย่างมั่นคงและมัดใจลูกค้าได้อยู่หมัด
สรุป
\t ไม่ว่าจะเป็นสาย Eco, Local หรือ Wellness การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ล้วนเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสร้างรายได้ พร้อมตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ใส่ใจในประสบการณ์และคุณภาพชีวิต แต่ก่อนจะลงมือทำ อย่าลืมว่า ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว คือก้าวแรกของความสำเร็จ และการมีประกันธุรกิจนำเที่ยวที่ครอบคลุม ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม
\t เจ้าของธุรกิจนำเที่ยวห้ามพลาด! หากคุณกำลังมองหา ประกันอุบัติเหตุเดินทาง สำหรับใช้ยื่นขอหรือต่อ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว PTN Insurance Broker พร้อมดูแลคุณทุกขั้นตอน! ด้วยแผนประกันที่ครอบคลุมกิจกรรมเสี่ยงทุกรูปแบบ คุ้มครองคุ้มค่า เริ่มต้นเพียง 18 บาท/ท่าน ไม่ว่าทริปของธุรกิจจะไปที่ไหน ประเทศอะไร ให้เราช่วยดูแล อุ่นใจได้ทุกเส้นทาง
- สาระน่ารู้และบทความอื่นๆ ดูเพิ่มเติม