พ.ร.บ. รถยนต์ หรือที่เรียกกันว่า " ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ "

คือ การประกันภัยตามกฎหมายที่รถทุกคันที่จดทะเบียน กับกรมการขนส่งทางบก โดยมีพระราชบัญญัติคุ้มครอง

ผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายรองรับ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2536

✨ ผลิตภัณฑ์แนะนำ ✨

รถยนต์ - ส่วนบุคคล

(ไม่เกิน 7 ที่นั่ง)

645.21 บาท

รถกระบะ - ส่วนบุคคล

(ไม่เกิน 3 ตัน)

967.28 บาท

รถตู้ - ส่วนบุคคล

(เกิน 7 ที่นั่ง ไม่เกิน 15 ที่นั่ง)

1,182.35 บาท

ตรวจสอบลักษณะและประเภทรถของคุณ

ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

พ.ร.บ. รถยนต์ คุ้มครอง อะไรบ้าง?

คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

เช่น ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือบุคคลภายนอก

กฏหมายบังคับให้รถยนต์ทุกคันต้องทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ฝ่าฝืนปรับ 10,000 บาท

ค่าเสียหายเบื้องต้น

ไม่รอพิสูจน์ถูก - ผิด

จ่ายทันทีภายใน 7 วัน

บาดเจ็บ

(ค่ารักษาตามจริง)

ไม่เกิน 30,000 บาท/คน

สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ

(เช่นอัมพาต, สมองตาย ฯลฯ)

35,000 บาท/คน

บาดเจ็บ ต่อมาทุพพลภาพหรือเสียชีวิต

(ค่าเสียหายรวมกัน)

ไม่เกิน 65,000 บาท/คน

เสียชีวิต

(ค่าปลงศพ, จัดการศพ)

35,000 บาท/คน

จ่ายรวมสูงสุด/คน

ไม่เกิน 65,000 บาท

ค่าเสียหายทดแทน

พิสูจน์ถูก - ผิด และเป็นฝ่ายถูก

จ่ายรวมค่าเสียหายเบื้องต้น

บาดเจ็บ

(ค่ารักษาตามจริง)

ไม่เกิน 80,000 บาท/คน

สูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพถาวร

(กรณีสูญเสียอวัยวะ จ่ายตามเงื่อนไข)

200,000 - 500,000 บาท/คน

นอนโรงพยาบาล

(เป็นผู้ป่วยใน)

200 บาท/วัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน

เสียชีวิต

(ค่าปลงศพ, จัดการศพ)

500,000 บาท/คน

จ่ายรวมสูงสุด/คน

ไม่เกิน 504,000 บาท

สิ่งสำคัญ!

1. ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของรถ ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของรถคันที่เกิดอุบัติเหตุก็สามารถเรียกร้องค่าเสียหายทดแทนจากพ.ร.บ.ได้

2. ไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายถูก แม้ว่าจะเป็นฝ่ายผิดในการเกิดอุบัติเหตุ ก็ยังมีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองจากพ.ร.บ.ของรถที่ขับ

3. คุ้มครองทันที เมื่อเกิดอุบัติเหตุ สามารถเรียกร้องค่าเสียหายทดแทนจากพ.ร.บ.ได้ทันที โดยไม่ต้องรอการพิสูจน์ความผิด

พ.ร.บ. รถยนต์ ไม่คุ้มครอง อะไรบ้าง?

พ.ร.บ. รถยนต์ให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์

แต่ก็มีบางกรณีที่ พ.ร.บ. ไม่คุ้มครอง ซึ่งผู้ใช้รถควรทราบเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง

อุบัติเหตุที่เกิดนอกประเทศไทย

หากนำรถไปใช้ในต่างประเทศ (เช่นเพื่อน บ้าน) พ.ร.บ. จะไม่คุ้มครอง ควรทำประกัน ภัยรถยนต์ระหว่างประเทศเพิ่มเติม

ความเสียหายจากอาชญากรรม

เช่น ถูกยักยอก ฉ้อโกง หรือปล้นทรัพย์ พ.ร.บ. จะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิด ขึ้นกับตัวรถ

การใช้รถผิดกฎหมาย

เช่น ปล้นทรัพย์ ขนยาเสพติด พ.ร.บ. และประกันภัย รถยนต์ภาคสมัครใจ จะไม่ให้ความคุ้มครอง

การแข่งรถ

การนำรถไปแข่งความเร็วบนท้องถนน ถือว่าผิดกฎหมาย พ.ร.บ. จะไม่คุ้มครอง อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการแข่งขัน

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

    พ.ร.บ. รถยนต์ คือ ประกันภัยภาคบังคับตามกฎหมายสำหรับรถทุกคันที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก การไม่ทำ พ.ร.บ. รถยนต์ถือว่าผิดกฎหมาย มีโทษและค่าปรับและไม่สามารถต่อภาษีรถประจำปีได้ นอกจากนี้หากเกิดอุบัติเหตุผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของคู่กรณีเอง     ตัวอย่างกรณีที่ต้องเสียค่าปรับ     1. เจ้าของรถที่ไม่ทำ พ.ร.บ. จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท     2. ผู้อื่น (ไม่ใช่เจ้าของรถ) ที่ขับขี่รถที่ไม่มี พ.ร.บ. หรือ พ.ร.บ. หมดอายุ ก็มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทเช่นกั     3. หากเจ้าของรถไม่ทำ พ.ร.บ. และนำรถคันนั้นไปใช้เองจะถือว่ามีความผิด ทั้งสองกรณี ทำให้มีโทษปรับสูงสุดถึง 20,000 บาท

    เนื่องจาก พ.ร.บ. รถยนต์เป็นประกันภัยภาคบังคับที่ต้องมีผลบังคับใช้ตลอด เวลาจึงไม่สามารถทำการซื้อและให้ความคุ้มครองย้อนหลังได้ หากพ.ร.บ. รถบนต์หมดอายุแล้วเกิดอุบัติเหตุจะไม่ได้รับความคุ้มครองใด ๆ ดังนั้นเพื่อความต่อเนื่องของความคุ้มครอง สำหรับการต่ออายุสามารถซื้อ ล่วงหน้าได้สูงสุด 90 วัน ก่อนวันหมดอายุ กรมธรรม์เดิม โดยตรวจสอบวันหมดอายุพ.ร.บ. รถยนต์ได้จากเอกสารกรมธรรม์ หรือป้ายวงกลมที่ติด หน้ารถ

    ขาดต่อไม่เกิน 1 ปี :     • ยังสามารถต่อ พ.ร.บ. ได้ทันทีโดยทั่วไปจะไม่เสียค่าปรับในส่วนของ พ.ร.บ.     • อาจมีค่าปรับในส่วนของภาษีรถยนต์ย้อนหลัง (คิดเป็นรายเดือน)     ขาดต่อเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี :     • ต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพก่อนต่อ พ.ร.บ. เพื่อยืนยันความพร้อมใช้ งานของรถอาจมีค่าปรับเพิ่มเติม (ขึ้นอยู่กับระเบียบของแต่ละพื้นที่)     • เอกสารที่ต้องใช้โดยทั่วไป ได้แก่ สมุดทะเบียนรถ สำเนาบัตรประชาชน และ สำเนาทะเบียนบ้าน     ขาดต่อเกิน 3 ปี :     • ทะเบียนรถอาจถูกระงับ ทำให้ต้องดำเนินการจดทะเบียนรถใหม่ ซึ่งมีขั้นตอน ที่ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่าย     • มีค่าปรับเพิ่มเติม และอาจถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง     • เอกสารที่ต้องใช้จะคล้ายกับกรณีขาดต่อเกิน 1 ปี แต่ขั้นตอนการดำเนินการ จะซับซ้อนกว่า

    ภาษีรถยนต์ขาด แต่ พ.ร.บ. ไม่ขาด ถือว่า ผิดกฎหมาย แม้จะมี พ.ร.บ. คุ้มครอง แต่การไม่ต่อภาษีก็มีความผิดและมีผลเสีย ดังนี้     1. ต้องเสียค่าปรับ หากถูกตำรวจตรวจพบ จะโดนปรับฐานไม่เสียภาษีรถประจำปี เสียค่าปรับ 1%  ต่อเดือน ยิ่งปล่อยไว้นาน ค่าปรับยิ่งสูง     2. ต่อทะเบียนไม่ได้ เมื่อภาษีขาดจะต่อทะเบียนรถไม่ได้ ทำให้มีความผิดซ้อนขึ้นอีก     3. อาจมีปัญหาเคลมประกัน (บางกรณี) แม้ พ.ร.บ. จะคุ้มครอง แต่ประกันภาคสมัครใจ (เช่น ชั้น 1) อาจมีปัญหา หากรถอยู่ในสภาพไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

    การดำเนินการ     1. ตรวจสอบผู้บาดเจ็บและให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น     2. โทรแจ้งบริษัทประกันภัยที่ออก พ.ร.บ.ทันที     3. แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ถ้าจำเป็น)     4. เก็บหลักฐานต่างๆ เช่น ภาพถ่ายที่เกิดเหตุ บันทึกประจำวันตำรวจ ใบรับรองแพทย์     5. นำเอกสารทั้งหมดไปติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อขอรับค่าสินไหมทดแทน

ช่องทางติดต่อบริการลูกค้าสัมพันธ์

1

Customer Support :

เจ้าหน้าที่ พี ที เอ็น พร้อมบริการ

061-412-8150 คุณป๊อป

2

LINE Official account :

เพิ่มเพื่อนไลน์ @ptninsurancebroker

เพิ่มเพื่อน@ptnbroker